ระบบไฮดรอลิคและระบบนิวเมติกส์มีความแตกต่างกันอย่างไร

       สำหรับระบบไฮดรอลิค กับ ระบบนิวเมติกส์ นั้นถือว่าเป็นระบบที่มีความสำคัญในการขับเคลื่อนวงการอุตสาหกรรมเกือบแทบจะทุกประเภท เนื่องจากกระบวนการผลิตสินค้าจะเป็นจะต้องมีการเคลื่อนไหวและใช้แรงงานการจับ ขึ้นรูปหรือบีบอัดสินค้าเป็นประจำ ซึ่งแน่นอนว่าการทำงานของทั้งสองระบบนั้นจะใช้เทคโนโลยีของไหลแบบเดียวกันเพื่อสร้างกำลังหรือแรง แต่ตัวกลางที่ใช้แปลงพลังงานกลจะแตกต่างกัน โดยระบบไฮดรอลิคจะใช้ของเหลวที่มีแรงดัน เช่น น้ำมันปิโตรเลียม น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ และน้ำ ส่วนระบบนิวเมติกส์ จะใช้ก๊าซหรืออากาศอัดเป็นตัวกลางในการแปรพลังงาน ดังนั้นถ้าจะอธิบายให้เข้าใจโดยง่าย คือ ระบบนิวเมติกส์ใช้อากาศเป็นตัวกลาง ส่วนระบบไฮดรอลิกใช้ของเหลวเป็นตัวกลาง ซึ่งตัวกลางที่แปลงพลังงานของไหลเป็นพลังงานกลทำให้สองระบบนี้แตกต่างกันนั้นเอง

 

ศูนย์รวมอุปกรณ์ไฮดรอลิค

 

 

ระบบไฮดรอลิคและระบบนิวเมติกส์มีความแตกต่างกัน ดังนี้


1. ระบบไฮดรอลิคเป็นระบบปิด ส่วนระบบนิวเมติกส์เป็นระบบเปิด
2. ระบบไฮดรอลิคจะใช้แรงดันประมาณ 500 ถึง 5000psi ส่วนระบบนิวเมติกส์จะใช้แรงดันประมาณ 100 ถึง100psi
3. ระบบไฮดรอลิคสามารถหล่อลื่นตัวเองได้ เพราะว่าใช้น้ำมันหลายชนิดในการทำขับเคลื่อน ส่วนระบบนิวเมติกส์จะต้องไท่สามารถหล่อลื่นตัวเองได้ ต้องมีการจัดเตรียมแยกไว้ต่างหาก
4. ปั๊ม วาล์ว ข้อต่อ สายไฮดรอลิค อุปกรณ์ไฮดรอลิคที่ใช้ในระบบไฮดรอลิค สำหรับการจัดเก็บและสูบของเหลวทำให้ระบบมีขนาดใหญ่และซับซ้อนมากขึ้น ดังนั้น ส่วนประกอบที่มีขนาดใหญ่จึงต้องการแรงดันที่มากขึ้น และทำให้ระบบไฮดรอลิคมีราคาสูงขึ้น การบำรุงรักษาและการซ่อมแซมระบบไฮดรอลิคนั้นซับซ้อนกว่าระบบนิวเมติกส์ ระบบนิวเมติกส์นั้นเรียบง่าย ราคาถูก และประหยัดกว่าค่ะ
5. มอเตอร์ระบบไฮดรอลิคสามารถสตาร์ทมอเตอร์ภายใต้แรงดันสูงได้ นอกจากนี้ ระบบไฮดรอลิคสามารถทำงานช้า แม่นยำ และให้การเคลื่อนที่เชิงเส้น สำหรับระบบนิวเมติกส์ การทำงานที่ช้าเกินไปจะทำให้เกิดการกระตุก
6. ถ้าเกิดการรั่วของระบบไฮดรอลิคจะทำให้สภาพแวดล้อมการทำงานเลอะเทอะ นอกจากนี้การรั่วไหลของของเหลวที่มีแรงดันยังเป็นอันตรายต่อทั้งคนงานและเครื่องจักร ฉะนั้นในระบบไฮดรอลิค การรั่วจะทำให้ประสิทธิภาพของระบบช้าลง แต่ระบบนิวเมติกส์จะได้รับผลกระทบจากการรั่วซึม
7. น้ำมันไฮดรอลิกบางชนิดเป็นน้ำมันปิโตรเลียม ฉะนั้นในระบบไฮดรอลิก มีความเสี่ยงที่จะเกิดไฟไหม้ แต่ระบบนิวคเมติกส์ไม่มีอันตรายจากไฟไหม้
8. การทำงานของวาล์วของระบบนิวเมติกส์นั้นง่ายกว่าระบบไฮดรอลิค
9. เครื่องอัดอากาศเป็นส่วนประกอบพื้นฐานของระบบนิวเมติกส์

 

ผลิตและจำหน่ายสายไฮดรอลิค


       อย่างไรก็ตามจะเห็นได้ว่าในปัจจุบันนี้ระบบไฮดรอลิคและระบบนิวเมติกส์เป็นระบบที่มีความสำคัญอย่างมากกับอุตสาหกรรมต่างๆ ดังนั้นหากทุกท่านมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับส่วนประกอบของระบบไฮดรอลิคก็จะทำให้สามารถเข้าใจการทำงานของระบบไฮดรอลิคได้ และใช้งานจากระบบไฮดรอลิคได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด หัวสายไฮดรอลิคสแตนเลส ซึ่ง บริษัท เค แอนด์ พี ไฮดรอลิค จำกัด ผู้นำด้านอุปกรณ์ไฮดรอลิคอย่างครบวงจร ที่ได้รับการยอมรับมากกว่า 20 ปี ให้บริการจำหน่ายอุปกรณ์ไฮดรอลิค สายไฮดรอลิค  สายอุตสาหกรรม สายท่ออ่อนสแตนเลส สายถักสแตนเลส ข้อต่อลม ข้อต่อสายไฮดรอลิค หัวสายไฮดรอลิค สายใสอุตสาหกรรม ท่ออ่อนสแตนเลส ข้อต่อ สายเพาเวอร์ กระบอกลม และอุปกรณ์อื่นๆอีกมากมาย พร้อมรับประกันคุณภาพทุกชิ้นงาน ด้วยทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านอุปกรณ์ไฮดรอลิคโดยเฉพาะ
---------------------------------------------------------------
บทความที่เกี่ยวข้อง
• ระบบไฮดรอลิคสำคัญอย่างไร 
• สายไฮดรอลิค อุปกรณ์ขับเคลื่อนของเหลวในระบบไฮดรอลิค  
• มาทำความรู้จักกับประเภทของข้อต่อสวมเร็ว  

ระบบไฮดรอลิคและระบบนิวเมติกส์มีความแตกต่างกันอย่างไร

       สำหรับระบบไฮดรอลิค กับ ระบบนิวเมติกส์ นั้นถือว่าเป็นระบบที่มีความสำคัญในการขับเคลื่อนวงการอุตสาหกรรมเกือบแทบจะทุกประเภท เนื่องจากกระบวนการผลิตสินค้าจะเป็นจะต้องมีการเคลื่อนไหวและใช้แรงงานการจับ ขึ้นรูปหรือบีบอัดสินค้าเป็นประจำ ซึ่งแน่นอนว่าการทำงานของทั้งสองระบบนั้นจะใช้เทคโนโลยีของไหลแบบเดียวกันเพื่อสร้างกำลังหรือแรง แต่ตัวกลางที่ใช้แปลงพลังงานกลจะแตกต่างกัน โดยระบบไฮดรอลิคจะใช้ของเหลวที่มีแรงดัน เช่น น้ำมันปิโตรเลียม น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ และน้ำ ส่วนระบบนิวเมติกส์ จะใช้ก๊าซหรืออากาศอัดเป็นตัวกลางในการแปรพลังงาน ดังนั้นถ้าจะอธิบายให้เข้าใจโดยง่าย คือ ระบบนิวเมติกส์ใช้อากาศเป็นตัวกลาง ส่วนระบบไฮดรอลิกใช้ของเหลวเป็นตัวกลาง ซึ่งตัวกลางที่แปลงพลังงานของไหลเป็นพลังงานกลทำให้สองระบบนี้แตกต่างกันนั้นเอง

 

ศูนย์รวมอุปกรณ์ไฮดรอลิค

 

 

ระบบไฮดรอลิคและระบบนิวเมติกส์มีความแตกต่างกัน ดังนี้


1. ระบบไฮดรอลิคเป็นระบบปิด ส่วนระบบนิวเมติกส์เป็นระบบเปิด
2. ระบบไฮดรอลิคจะใช้แรงดันประมาณ 500 ถึง 5000psi ส่วนระบบนิวเมติกส์จะใช้แรงดันประมาณ 100 ถึง100psi
3. ระบบไฮดรอลิคสามารถหล่อลื่นตัวเองได้ เพราะว่าใช้น้ำมันหลายชนิดในการทำขับเคลื่อน ส่วนระบบนิวเมติกส์จะต้องไท่สามารถหล่อลื่นตัวเองได้ ต้องมีการจัดเตรียมแยกไว้ต่างหาก
4. ปั๊ม วาล์ว ข้อต่อ สายไฮดรอลิค อุปกรณ์ไฮดรอลิคที่ใช้ในระบบไฮดรอลิค สำหรับการจัดเก็บและสูบของเหลวทำให้ระบบมีขนาดใหญ่และซับซ้อนมากขึ้น ดังนั้น ส่วนประกอบที่มีขนาดใหญ่จึงต้องการแรงดันที่มากขึ้น และทำให้ระบบไฮดรอลิคมีราคาสูงขึ้น การบำรุงรักษาและการซ่อมแซมระบบไฮดรอลิคนั้นซับซ้อนกว่าระบบนิวเมติกส์ ระบบนิวเมติกส์นั้นเรียบง่าย ราคาถูก และประหยัดกว่าค่ะ
5. มอเตอร์ระบบไฮดรอลิคสามารถสตาร์ทมอเตอร์ภายใต้แรงดันสูงได้ นอกจากนี้ ระบบไฮดรอลิคสามารถทำงานช้า แม่นยำ และให้การเคลื่อนที่เชิงเส้น สายใสอุตสาหกรรม สำหรับระบบนิวเมติกส์ การทำงานที่ช้าเกินไปจะทำให้เกิดการกระตุก
6. ถ้าเกิดการรั่วของระบบไฮดรอลิคจะทำให้สภาพแวดล้อมการทำงานเลอะเทอะ นอกจากนี้การรั่วไหลของของเหลวที่มีแรงดันยังเป็นอันตรายต่อทั้งคนงานและเครื่องจักร ฉะนั้นในระบบไฮดรอลิค การรั่วจะทำให้ประสิทธิภาพของระบบช้าลง แต่ระบบนิวเมติกส์จะได้รับผลกระทบจากการรั่วซึม
7. น้ำมันไฮดรอลิกบางชนิดเป็นน้ำมันปิโตรเลียม ฉะนั้นในระบบไฮดรอลิก มีความเสี่ยงที่จะเกิดไฟไหม้ แต่ระบบนิวคเมติกส์ไม่มีอันตรายจากไฟไหม้
8. การทำงานของวาล์วของระบบนิวเมติกส์นั้นง่ายกว่าระบบไฮดรอลิค
9. เครื่องอัดอากาศเป็นส่วนประกอบพื้นฐานของระบบนิวเมติกส์

 

ผลิตและจำหน่ายสายไฮดรอลิค


       อย่างไรก็ตามจะเห็นได้ว่าในปัจจุบันนี้ระบบไฮดรอลิคและระบบนิวเมติกส์เป็นระบบที่มีความสำคัญอย่างมากกับอุตสาหกรรมต่างๆ ดังนั้นหากทุกท่านมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับส่วนประกอบของระบบไฮดรอลิคก็จะทำให้สามารถเข้าใจการทำงานของระบบไฮดรอลิคได้ และใช้งานจากระบบไฮดรอลิคได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่ง บริษัท เค แอนด์ พี ไฮดรอลิค จำกัด ผู้นำด้านอุปกรณ์ไฮดรอลิคอย่างครบวงจร ที่ได้รับการยอมรับมากกว่า 20 ปี ให้บริการจำหน่ายอุปกรณ์ไฮดรอลิค สายไฮดรอลิค  สายอุตสาหกรรม สายท่ออ่อนสแตนเลส สายถักสแตนเลส ข้อต่อลม ข้อต่อสายไฮดรอลิค หัวสายไฮดรอลิค สายใสอุตสาหกรรม ท่ออ่อนสแตนเลส ข้อต่อ สายเพาเวอร์ กระบอกลม และอุปกรณ์อื่นๆอีกมากมาย พร้อมรับประกันคุณภาพทุกชิ้นงาน ด้วยทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านอุปกรณ์ไฮดรอลิคโดยเฉพาะ
---------------------------------------------------------------
บทความที่เกี่ยวข้อง
• ระบบไฮดรอลิคสำคัญอย่างไร 
• สายไฮดรอลิค อุปกรณ์ขับเคลื่อนของเหลวในระบบไฮดรอลิค  
• มาทำความรู้จักกับประเภทของข้อต่อสวมเร็ว  

แขนกลหุ่นยนต์ (Industrial Robot) ชนิดใดบ้างที่นิยมในวงการอุตสาหกรรม

       à¸ªà¸³à¸«à¸£à¸±à¸šà¹ƒà¸™à¸¢à¸¸à¸„ปัจจุบันแขนกลหุ่นยนต์ (Industrial Robot) ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญกับวงการอุตสาหกรรมในประเทศไทยมากขึ้น เนื่องจากแขนกลหุ่นยนต์เป็นเครื่องจักรที่ถูกออกแบบควบคุมด้วยระบบอัตโนมัติโดยการเขียนโปรแกรมให้เคลื่อนที่ได้อย่างน้อย 3 แกนหรือมากกว่า ซึ่งแขนกลหุ่นยนต์ (Industrial Robot) สามารถออกแบบให้ยึดอยู่กับที่หรือย้ายตำแหน่งไปมาได้ตามความเหมาะสมของประเภทงานที่จะใช้ในงานอุตสาหกรรมนั้นๆ โดยการแบ่งชนิดของหุ่นยนต์จะแบ่งตามลักษณะรูปทรงของพื้นที่ทำงาน (Envelope Geometric) ของจุดต่อ (Joint) ของหุ่นยนต์สามารถแบ่งได้ 2 แบบ ดังนี้ 1. ชนิด Revolute (R) เป็นการหมุนรอบแกน (Rotary) 2.Prismatic (P) เป็นการเคลื่อนที่เชิงเส้น (Linear motion) และเมื่อนำจุดต่อของหุ่นยนต์ทั้งสองแบบมาต่อเข้าด้วยกันอย่างน้อย 3 แกนหลักจะได้พื้นที่ทำงาน ( Work envelope) ที่มีลักษณะแตกต่างกันไปก็จะได้ประเภทแขนกลหุ่นยนต์ต่างๆ ใช้ในวงการอุตสาหกรรม

 

แขนกลหุ่นยนต์ (Industrial Robot)

 

 

ประเภทของแขนกลหุ่นยนต์ที่นิยมใช้ในวงการอุตสาหกรรม ได้แก่


1. Cartesian (Gantry) Robot แกนทั้ง 3 ของแขนกลหุ่นยนต์จะเคลื่อนที่เป็นแบบเชิงเส้น (Prismatic) ถ้าโครงสร้างมีลักษณะคล้าย Overhead Crane จะเรียกว่าเป็นหุ่นยนต์ชนิด Gantry แต่ถ้าหุ่นยนต์ไม่มีขาตั้งหรือขาเป็นแบบอื่น เรียกว่า ชนิด Cartesian

ข้อดี

1. เคลื่อนที่เป็นแนวเส้นตรงทั้ง 3 มิติ
2. การเคลื่อนที่สามารถทำความเข้าใจง่าย
3. มีส่วนประกอบง่ายๆ
4. โครงสร้างแข็งแรงตลอดการเคลื่อนที่


ข้อเสีย

1. ต้องการพื้นที่ติดตั้งมาก
2. บริเวณที่หุ่นยนต์เข้าไปทำงานได้ จะเล็กกว่าขนาดของตัวหุ่นยนต์
3. ไม่สามารถเข้าถึงวัตถุจากทิศทางข้างใต้ได้
4. แกนแบบเชิงเส้นจะ Seal เพื่อป้องกันฝุ่นและของเหลวได้ยาก


การประยุกต์ใช้งาน

เนื่องจากโครงสร้างมีความแข็งแรงตลอดแนวการเคลื่อนที่ ดังนั้นจึงเหมาะกับงานเคลื่อนย้ายของหนักๆ หรือเรียกว่างาน Pick-and-Place เช่น ใช้โหลดชิ้นงานเข้าเครื่องจักร (Machine loading) ใช้จัดเก็บชิ้นงาน (Stacking) นอกจากนี้ยังสามารถใช้ในงานประกอบ (Assembly) ที่ไม่ต้องการเข้าถึงในลักษณะที่มีมุมหมุน เช่น ประกอบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และงาน Test ต่างๆ

2. Cylindrical Robot หุ่นยนต์ประเภทนี้จะมีแกนที่ 2 (ไหล่) และแกนที่ 3 (ข้อศอก) เป็นแบบ Prismatic ส่วนแกนที่ 1 (เอว) จะเป็นแบบหมุน (Revolute) ทำให้การเคลื่อนที่ได้พื้นที่การทำงานเป็นรูปทรงกระบอก

 à¸‚้อดี

1. มีส่วนประกอบไม่ซับซ้อน
2. การเคลื่อนที่สามารถเข้าใจได้ง่าย
3. สามารถเข้าถึงเครื่องจักรที่มีการเปิด – ปิด หรือเข้าไปในบริเวณที่เป็นช่องหรือโพรงได้ง่าย (Loading) เช่น การโหลดชิ้นงานเข้าเครื่อง CNC


ข้อเสีย

1. มีพื้นที่ทำงานจำกัด
2. แกนที่เป็นเชิงเส้นมีความยุ่งยากในการ Seal เพื่อป้องกันฝุ่นและของเหลว


การประยุกต์ใช้งาน

โดยทั่วไปจะใช้ในการหยิบยกชิ้นงาน (Pick-and-Place) หรือป้อนชิ้นงานเข้าเครื่องจักร เพราะสามารถเคลื่อนที่เข้าออกบริเวณที่เป็นช่องโพรงเล็กๆ ได้สะดวก

3. Spherical Robot (Polar) มีสองแกนที่เคลื่อนในลักษณะการหมุน (Revolute Joint) คือแกนที่ 1 (เอว) และแกนที่ 2 (ไหล่) ส่วนแกนที่ 3 (ข้อศอก) จะเป็นลักษณะของการเคลื่อนที่แนวเส้นตรง 

ข้อดี

1. มีปริมาตรการทำงานมากขึ้นเนื่องจากการหมุนของแกนที่ 2 (ไหล่)
2. สามารถที่จะก้มลงมาจับชิ้นงานบนพื้นได้สะดวก


ข้อเสีย

1. มีระบบพิกัด (Coordinate) และส่วนประกอบ ที่ซับซ้อน
2. การเคลื่อนที่และระบบควบคุมมีความซับซ้อนขึ้น


การประยุกต์ใช้งาน

ใช้ในงานที่มีการเคลื่อนที่ในแนวตั้ง (Vertical) เพียงเล็กน้อย เช่น การโหลดชิ้นงานเข้าออกจากเครื่องปั้ม (Press) หรืออาจจะใช้งานเชื่อมจุด (Spot Welding)

 

 à¹à¸‚นกลหุ่นยนต์


4. SCARA Robot จะมีลักษณะแกนที่ 1 (เอว) และแกนที่ 3 (ข้อศอก) หมุนรอบแกนแนวตั้ง และแกนที่ 2 จะเป็นลักษณะการเคลื่อนที่ขึ้นลง (Prismatic) ซึ่งหุ่นยนต์ SCARA จะเคลื่อนที่ได้รวดเร็วในแนวระนาบ และมีความแม่นยำสูง

ข้อดี

1. สามารถเคลื่อนที่ในแนวระนาบ และขึ้นลงได้รวดเร็ว
2. มีความแม่นยำสูง


ข้อเสีย

1. มีพื้นที่ทำงานจำกัด
2. ไม่สามารถหมุน (rotation)ในลักษณะมุมต่างๆได้
3. สามารถยกน้ำหนัก (Payload) ได้ไม่มากนัก


การประยุกต์ใช้งาน

เนื่องจากการเคลื่อนที่ในแนวระนาบและขึ้นลงได้รวดเร็วจึงเหมาะกับงานประกอบชิ้นส่วนทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งต้องการความรวดเร็วและการเคลื่อนที่ก็ไม่ต้องการการหมุนมากนัก แต่จะไม่เหมาะกับงานประกอบชิ้นส่วนทางกล (Mechanical Part) ซึ่งส่วนใหญ่การประกอบจะอาศัยการหมุน (Rotation)ในลักษณะมุมต่างๆ นอกจากนี้ SCARA Robot ยังเหมาะกับงานตรวจสอบ (Inspection) งานบรรจุภัณฑ์ (Packaging)

5. Articulated Arm ทุกแกนการเคลื่อนที่จะเป็นแบบหมุน (Revolute) รูปแบบการเคลื่อนที่จะคล้ายกับแขนคน ซึ่งจะประกอบด้วยช่วงเอว ท่อนแขนบน ท่อนแขนล่าง ข้อมือ การเคลื่อนที่ทำให้ได้พื้นที่การทำงาน 

ข้อดี

1. เนื่องจากทุกแกนจะเคลื่อนที่ในลักษณะ ของการหมุนทำให้มีความยืดหยุ่นสูงในการเข้าไปยังจุดต่างๆ
2. บริเวณข้อต่อ (Joint) สามารถ Seal เพื่อป้องกันฝุ่น ความชื้น หรือน้ำ ได้ง่าย
3. มีพื้นที่การทำงานมาก
4. สามารถเข้าถึงชิ้นงานทั้งจากด้านบน ด้านล่าง
5. เหมาะกับการใช้มอเตอร์ไฟฟ้า เป็นชุดขับเคลื่อน


ข้อเสีย

1. มีระบบพิกัด (Coordinate) ที่ซับซ้อน
2. การเคลื่อนที่และระบบควบคุมทำความ เข้าใจได้ยากขึ้น
3. ควบคุมให้เคลื่อนที่ในแนวเส้นตรง (Linear) ได้ยาก
4.โครงสร้างไม่มั่นคงตลอดช่วงการเคลื่อนที่ เพราะบริเวณขอบ Work Envelope ปลายแขนจะ
5. มีการสั่น ทำให้ความแม่ยำลดลง


การประยุกต์ใช้งาน

หุ่นยนต์ชนิดนี้สามารถใช้งานได้กว้างขวางเพราะสามารถเข้าถึงตำแหน่งต่างๆ ได้ดี เช่น งานเชื่อม Spot Welding, Path Welding, งานยกของ, งานตัด, งานทากาว, งานที่มีการเคลื่อนที่ยากๆ เช่น งานพ่นสี งาน Sealing ฯลฯ

ดังนั้นจะเห็นได้ว่า Industrial Robot นั้นมีหลากหลายประเภท แต่ว่าสิ่งหนึ่งที่หุ่นยนต์อุตสาหกรรมมีประโยชน์เหมือนกัน คือ สามารถช่วยทุ่นแรงในการทำงานต่าง ๆ แทนมนุษย์ได้เป็นอย่างดี เช่น งานยกสินค้าจากสายงานการผลิต งานประกอบ งานเชื่อม งานตัด เป็นต้น

 

บริษัท ไอ.เอ็ม.อี. รีโวลูชั่น จำกัด


       à¸šà¸£à¸´à¸©à¸±à¸— ไอ.เอ็ม.อี. รีโวลูชั่น จำกัด เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตเครื่องจักรระบบอัตโนมัติที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมแบบครบวงจร เช่น เครื่องประกอบชิ้นงาน แขนกลหุ่นยนต์ เครื่องจักรระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์หยิบจับชิ้นงาน รถขนถ่ายวัสดุอัตโนมัติ เครื่องตรวจสอบและทดสอบชิ้นงาน เครื่องตรวจสอบและทดสอบชิ้นงาน เครื่องประกอบชิ้นงาน เป็นต้น ซึ่งทางบริษัทฯ รับออกแบบและผลิตเครื่องจักรระบบอัตโนมัติทุกชนิด โดยมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญและเทคโนโลยีที่ทันสมัยสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี ตั้งแต่ช่วยลูกค้าตัดสินในเรื่องการลงทุน ด้านออโตเมชั้น การติดตั้ง การฝึกอบรมการใช้งาน รวมถึงการดูแลรักษาซ่อมบำรุง มีอะไหล่ให้เปลี่ยนตามอายุการใช้งาน
---------------------------------------------------------------------------
บทความที่เกี่ยวข้อง
มาทำความรู้จัก บริษัท ไอ.เอ็ม.อี. รีโวลูชั่น จำกัด
รถขนถ่ายวัสดุอัตโนมัติ สุดยอดตัวช่วยสำหรับอุตสาหกรรมโลจิสติกส์
ตอบโจทย์การประกอบชิ้นงานสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ ด้วย “เครื่องประกอบชิ้นงาน” เทคโนโลยีสุดล้ำ 

 

____________________________________________________

 

สนใจชมข้อมูลเพิ่มเติมผ่าน Marketplace

 

www.brandexdirectory.com
เว็บไซต์รวมสินค้าอุตสาหกรรมอันดับต้นๆ ของประเทศไทย

 

www.pagesthai.com
เว็บไซต์รวมรายชื่อโรงงานผลิต ซับคอนแทรค และบริการ

 

www.Brand.co.th
เว็บรวมสินค้าแบรนด์และผู้ผลิตสินค้าแบรนด์

 

www.eeczone.com
เว็บรวมรายชื่อผู้ประกอบการภาคตะวันออก

เครื่องแลกเปลี่ยนความร้อนแบบแผ่นมีความสำคัญอย่างไร

       à¹€à¸„รื่องแลกเปลี่ยนความร้อนแบบแผ่น (Plate Heat Exchanger) ถือเป็นเครื่องแลกเปลี่ยนความร้อนที่มีความสำคัญอย่างมากต่ออุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร เช่น นม น้ำผลไม้ เบียร์ ไวน์ เป็นต้น ซึ่งวัตถุประสงค์ของการใช้เครื่องแลกเปลี่ยนความร้อนแบบแผ่นเป็นการเพิ่มอุณหภูมิให้ถึงจุดที่ใช้ในการทำลายจุลินทรีย์ให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัยต่อผู้บริโภครวมถึงความสะอาดในขั้นตอนการผลิตก็มีความสำคัญอย่างมากเช่นกัน

 

เครื่องแลกเปลี่ยนความร้อน

 

 

ส่วนประกอบของเครื่องแลกเปลี่ยนความร้อนแบบแผ่น ได้แก่


1. ชุดแผ่นแลกเปลี่ยนความร้อน
2. สลักยึด
3. ประเก็น
4. แผ่นแลกเปลี่ยนความร้อนสุดท้าย
5. ดานแขวนบน
6. โครงหน้า
7. โครงอัด
8. คานรับล่าง
9. ขาตั้งหลัง
10. โครงระหว่างกลาง


       à¸ªà¸³à¸«à¸£à¸±à¸šà¸«à¸¥à¸±à¸à¸à¸²à¸£à¸—ำงานของอุปกรณ์แลกเปลี่ยนความร้อนแบบแผ่นนั้นได้รับการออกแบบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการถ่ายเทความร้อน โดยการนำแผ่นโลหะแผ่นมาเรียงกันหลาย ๆ อันเพื่อให้ของเหลวไหลผ่านในช่องว่างของแต่ละแผ่นสลับกันสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

 

ข้อดีของเครื่องแลกเปลี่ยนความร้อนแบบแผ่น ดังนี้


• à¸ªà¸²à¸¡à¸²à¸£à¸–ถ่ายเทความร้อนได้สูง เนื่องจากแผ่นแลกเปลี่ยนความร้อนถูกออกแบบให้ของเหลวมีลักษณะการไหลแบบสวนทางกัน ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการถ่ายเทความร้อนสูง
• à¹€à¸«à¸¡à¸²à¸°à¸ªà¸³à¸«à¸£à¸±à¸šà¸à¸²à¸£à¹à¸¥à¸à¹€à¸›à¸¥à¸µà¹ˆà¸¢à¸™à¸„วามร้อนของเหลวที่มีความหนืดสูงและมีการถ่ายเทความร้อนที่แม่นยำ
• à¸šà¸£à¸´à¹€à¸§à¸“ที่ต้องการถ่ายเทความร้อนสามารถทำได้โดยการเพิ่มหรือลดแผ่นแลกเปลี่ยนความร้อน
• à¹€à¸„รื่องแลกเปลี่ยนความร้อนแบบแผ่นมีโครงสร้างขนาดเล็ก สามารถช่วยลดต้นทุนของการติดตั้งและเหมาะกับการใช้งานในที่จำกัดและมีราคาถูก
• à¹ƒà¸Šà¹‰à¸žà¸·à¹‰à¸™à¸—ี่ในการติดตั้งขนาดเล็ก ทำให้ประหยัดพื้นและสามารถติดตั้งในแนวตั้งได้
• à¹€à¸„รื่องแลกเปลี่ยนความร้อนแบบแผ่นมีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 

 

เทมป์เมกเกอร์ ศูนย์รวมเครื่องแลกเปลี่ยนความร้อนแบบครบวงจร


    ปั๊มความร้อน    à¸šà¸£à¸´à¸©à¸±à¸— เทมป์เมกเกอร์ จำกัด เป็นศูนย์รวมเครื่องแลกเปลี่ยนความร้อนอุตสาหกรรมแบบครบวงจร รับออกแบบและให้คําปรึกษาเกี่ยวกับอุปกรณ์แลกเปลี่ยนความร้อน-ความเย็นทุกชนิด เครื่องแลกเปลี่ยนความร้อน-ความเย็นแบบแผ่น ฮีทปั๊ม ปั๊มความร้อน ระบบทำความเย็น โดยทีมงานวิศวกรผู้มีประสบการณ์โดยตรง สินค้าของเราให้ความสําคัญในเรื่องการประหยัดพลังงาน เพื่อการลดการใช้พลังงาน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และทีมงานมีความยินดีที่จะให้ข้อมูลสินค้า และการเลือกใช้งานโดยคํานึงถึงประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกระดับด้วยความเสมอภาค
------------------------------------------------------------------------------------------
บทความที่เกี่ยวข้อง
ฮีทปั๊ม คืออะไร
มาทำความรู้จักกับ บริษัท เทมป์เมกเกอร์ จำกัด
เครื่องแลกเปลี่ยนความร้อนแบบคาโอริ คืออะไร ? 

1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15